แนวข้อสอบความรู้เกียวกับธรณีวิทยา
1. หินแบ่งออกเป็น 3 ชนิดตามข้อใด
ก. หินอัคนี หินชั้น หินแปร
ข. หินอัคนี หินตะกอน หินชั้น
ค. หินตะกอน หินแกรนิต หินชั้น
ง. หินแกรนิต หินตะกอน หินอัคนี
2. เมื่อหินอัคนีถูกแรงอัดนาน ๆ จนทับถมประสานตัวกันแน่นเกิดเป็นหินอะไร
ก. หินอัคนี
ข. หินชั้น
ค. หินแกรนิต
ง. หินบะซอลต์
3. สิ่งใดมีอิทธิพลมากที่สุดในการเกิดหินแปร
ก. แรงโน้มถ่วงของโลก
ข. พลังงานแสงอาทิตย์
ค. ความแปรปรวนของอากาศ
ง. ความร้อนความกดดันภายในโลก
4. หินศิลาแลงควรใช้ทำอะไรจึงจะเหมาะสมที่สุด
ก. ทำป้ายชื่อ
ข. ทำถนน
ค. ทำครกหิน
ง. ทำกำแพงสถานที่สำคัญ
5. ข้อใดเกี่ยวข้องกับการเกิดหินอัคนีมากที่สุด
ก. ซากพืช
ข. ซากสัตว์
ค. โคลนตม
ง. ลาวา
6. หินในข้อใดเรียงลำดับการเกิดได้ถูกต้อง
ก. หินไนส์ หินปูน ถ่านหิน
ข. หินดินดาน หินปูน หินไนส์
ค. หินแกรนิต หินทราย หินชนวน
ง. หินปูน หินอ่อน หินบะซอลต์
7. หินไนส์ใช้ทำประโยชน์ในด้านใดมากที่สุด
ก. ทำกระดานชนวน
ข. ทำครก ทำโม่
ค. ประดับอาคารบ้านเรือน
ง. เป็นส่วนผสมคอนกรีต
8. หินในข้อใดจัดเป็นหินแปร
ก. หินอ่อน หินไนส์
ข. หินปูน หินดินดาน
ค. หินแกรนิต หินบะซอลต์
ง. หินทราย หินแกบโบร
9. แร่ที่เกิดจากการทับถามของซากพืช คือข้อใด
ก. ยิบซั่ม
ข. ถ่านหิน
ค. กำมะถัน
ง. ตะกั่ว
10. การระเบิดภูเขาทำให้มีผลเสียในเรื่องใดมากที่สุด
ก. ดิน
ข. น้ำ
ค. อากาศ
ง. ป่าไม้
แนวข้อสอบพื้นฐานวิศวกรรมศาสตร์
1. เมื่อแสงเดินทางจากอากาศไปกระทบแก้ว ผิวเรียบทำมุม 50 กับผิวแก้ว ดังรูป ส่วนหนึ่งของแสงจะสะท้อน และอีกส่วนหนึ่งจะหักเหเข้าไปในแก้ว มุมที่ลำแสงสะท้อนกระทำกับลำแสงหักเหจะอยู่ในช่วงใด
ก. น้อยกว่า 40 ค. ระหว่าง 50 กับ 100
ข. ระหว่าง 40 กับ 50 ง. ระหว่าง 100 กับ 140
ตอบ ง. ระหว่าง 100 กับ 140
เมื่อแสงตกกระทบผิวมุมตกกระทบจะหมายถึงมุมที่รังสีแสงกระทำกับเส้นปกติ
มุมตกกระทบ 1 = 90-50 = 40
แสงสะท้อนจะมีมุมสะท้อนเท่ากับมุมตกกระทบ = 40
หรือแสงสะท้อนทำมุมกับผิว = 50
ส่วนการหักเห การเดินทางจากอากาศไปสู่แก้ว จะเป็นการเดินทางจากตัวกลางดัชนี
หักเหน้อยไปสู่ตัวกลาง ดัชนีหักเหมาก (nแก้ว มากกว่า nอากาศ เสมอ)
มุมหักเหจะน้อยกว่ามุมตกกระทบ (2 < 1)
แสงหักเหจะมีมุมหักเหน้อยกว่า 40 หรือแสงหักเหจะทำมุมกับผิวมากกว่า 50
มุมระหว่างแสงสะท้อนกับแสงหักเหจึงมากกว่า 100 แต่ไม่ถึง 140
2. กล้องถ่ายรูปอันหนึ่ง มีระยะเลื่อนของเลนส์เข้า-ออกได้ 1 เซนติเมตร ถ้ากล้องนี้ใช้
ถ่ายรูป ได้ไกลสุดที่ระยะอนันต์ และใกล้สุด ที่ระยะ 30 เซนติเมตร จงหาค่าความยาว
โฟกัสของเลนส์ที่ใช้
ก. 5 เซนติเมตร ค. 10 เซนติเมตร
ข. 6 เซนติเมตร ง. 30 เซนติเมตร
ตอบ ก. 5 เซนติเมตร
สมมติความยาวโฟกัสเป็น f เมื่อถ่ายภาพที่ระยะอนันต์จะเกิดภาพที่จุดโฟกัส แสดงว่าขณะนี้
ระยะภาพ = f เมื่อถ่ายภาพใกล้เข้ามาต้องเลื่อนเลนส์ออกจากตัวกล้อง (เพื่อให้ระยะภาพมากขึ้น)
เมื่อถ่ายภาพของวัตถุที่ระยะ 30 cm จะเลื่อนเลนส์ได้มากสุด 1 cm
แต่เลนส์ของกล้องถ่ายรูปต้องเป็นเลนส์นูนซึ่งมี f เป็นบวก
ความยาวโฟกัสของเลนส์ f = 5 เซนติเมตร
3. สายอากาศแสดงดังรูปเป็นสายอากาศที่รับคลื่นวิทยุความถี่เท่าไรที่ดีที่สุด
ก. 25 MHz ค. 100 MHz
ข. 50 MHz ง. 900 MHz
ตอบ ข. 50 MHz
สายอากาศแบบเส้นตรงนั้นส่วนมากจะตั้งในแนวดิ่งเพื่อรับคลื่นไฟฟ้าของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า สายอากาศที่จะรับคลื่นได้ดีนั้นต้องมีความยาวเป็น ครึ่งหนึ่งของความยาวคลื่น
=
ได้ = 2 3 = 6 m
จาก c = f
ได้ f = = = 5 107 Hz
= 50 MHz
4. เฟือง A รัศมี 100 mm. ขบกับเฟือง B รัศมี 200 mm. ดังรูป ถ้าเฟือง A หมุนด้วยความเร็ว, 1 = 10 rad/s, ตามเข็มนาฬิกาจะทำให้เฟือง B หมุนด้วยความเร็ว 2 = ?
ก. 20 rad/s ตามเข็มนาฬิกา
ข. 20 rad/s ทวนเข็มนาฬิกา
ค. 5 rad/s ตามเข็มนาฬิกา
ง. 5 rad/s ทวนเข็มนาฬิกา
ตอบ ง. 5 rad/s ทวนเข็มนาฬิกา
เมื่อฟันเฟืองเอาผิวของฟันเฟืองชนกันนั้น อัตราเร็วเชิงเส้นจะเท่ากัน
ดังนั้น v1 = v2 …………..(1)
จาก v = r แทนค่า (1) ได้
1r1 = 2r2
(10)(100 m.m) = 2 (200 m.m)
2 = = 5 rad/sec
จากรูปเมื่อฟันเฟืองอันที่ 1 หมุนตามเข็มนาฬิกาฟันเฟืองอันที่สองจะหมุนในทิศทางทวนเข็มนาฬิกา
5. เครื่องมือของแฮร์ (Hare’s Apparatus) ของของเหลว A, B และ C มีความหนาแน่น A, B และ C ตามลำดับ ข้อความใดที่ถูกต้อง
ก. B < A < C , B < A < C
ข. B > A > C , B > A > C
ค. A = B = C , C > A > B
ง. A = B = C , C< A < B
ตอบ ข. B > A > C , B > A > C
จากรูปกำหนดให้ Pin ในทุกท่อเท่ากันหมด ดังนั้น ถ้าคิด ณ ระดับ o o จะได้
(1) ถัง A; Pa = Pin + PAhAg …(1)
(2) ถัง B; Pa = Pin + PBhBg …(2)
(3) ถัง C; Pa = Pin + PChCg …(3)
=
จะได้ Pin เท่ากันหมด
(1) = (2)
AhA
hA > hB A = B …..(4)
(1) = (3)
AhA = ChC
และ hC > hA A = C …..(5)
(3) = (2)
BhB = ChC
=
hC > hB ได้ B > C …..(6)
ดังนั้นจะได้ว่าเมื่อเอา (4) , (5) , (6) มา
พิจารณาจะได้ว่า
B > A > C
6. มวล 0.2 กิโลกรัมผูกเชือกยาว 2 เมตร แขวนไว้กับเพดาน บนพื้นใต้เพดาน 2 เมตร มีสปริงวางอยู่ดังรูป ถ้าดึงมวลออกมาจนเชือกทำมุม 60 องศากับแนวดิ่ง แล้วปล่อยให้แกว่งมากดสปริง มวลจะดันสปริงหดสูงสุดเท่าใด ถ้าค่านิจของสปริง 400 นิวตันต่อเมตร
ก. 25 เซนติเมตร ค. 5 เซนติเมตร
ข. 15 เซนติเมตร ง. 10 เซนติเมตร
ตอบ ง. 10 เซนติเมตร
จาก W = Ek
W = Ws + WT + Wg
เมื่อ WS = งานจากแรงสปริง
WT = 0 = งานจากแรงดึงเชือก
Wg = งานจากแรงดึงดูดของโลก
WS = - kx2
= - 400 x2
Ws = -200 x2 …(1)
และ Wg = +mgh
= +(0.2)(10)(2 - 2 cos 60)
= 2(2 – 1) = 2 J
และ WT = 0
โดยที่ Ek = 0
-200x2 + 0 + 2 = 0
x2 = = 0.01
x = 0.1 เมตร
สปริงหดสูงสุด 10 เซนติเมตร
7. ปลอกทองแดงมวล 3 กิโลกรัม ยึดติดกับสปริง เคลื่อนที่จากจุดหยุดนิ่งที่ A ไปตามรางลื่น ซึ่งช่วง AB เป็นโค้งวงกลมรัศมี 0.6 เมตร และช่วง BC เป็นรางตรงยาว 0.6 เมตร ถามว่าเมื่อปล่อยปลอกทองแดงลงมาถึงจุด B จะมีอัตราเร็วเท่าใด ถ้าค่านิจของสปริง 350 นิวตันต่อเมตร และความยาวปกติของสปริง 0.6 เมตร
ก. 6.8 เมตรต่อวินาที ค. ค.8 เมตรต่อวินาที
ข. 8.6 เมตรต่อวินาที ง. 8.3 เมตรต่อวินาที
ตอบ ก. 6.8 เมตรต่อวินาที
ใช้กฎอนุรักษ์พลังงาน
EA = Ek + Epq + Eps
= 0 + mgh + ks2
= 0 + (3)(10)(0.6) + (350)(0.6)2
= 81 J
EB = Ex + Epq + Eps
= mvB2 + 0 + ks2
=
= (3)v2 + 0 + (350)(0.25)2
= ก.5v2 + 10.9 J
นั่นคือ EB = EA
ก.5 v2 + 10.9 = 81
vB = 6.8 m/s
8. แท่งคอนกรีตรูปทรงกระบอกยาว ข.4 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง ก.6 เมตร ถูกแขวนไว้ให้จมอยู่ในน้ำครึ่งหนึ่งดังรูป จงหาค่าแรงตึง T ในสายเคเบิล กำหนดให้แท่งคอนกรีตเคลือบพลาสติกกันซึม และมีค่าความ หนาแน่นเป็น 2400 กิโลกรัม / ลูกบาศก์เมตร
ก. ค.686.4 N ค. 7860 N
ข. 399ค.6 N ง. 39.93 N
ตอบ ข. 399ค.6 N
จากรูปต้องการสมดุลของการลอยตัวได้
B + T = mg ………(1)
T = mg - B ………(2)
หาค่า B จาก
B = เหลว Vจม g
= (103) ( ) (g)
B =
= 7680 N ………(3)
หาค่า mg ของแท่งคอนกรีตได้
mg = วัตถุ V
= (2400) () (0.8)2 (ข.4)
= 3686.4 N ………(4)
ดังนั้นจะได้
T = 3686.4 - 7680
= 399ค.6 N
9.
เมื่อรถบรรทุกมีน้ำหนักล้อ P1 = 50 kN P2 = 100 kN ตำแหน่งของล้อได้แสดงในรูปหากสะพาน AB มีช่วงยาว 30 ม. จงหาแรงที่ถ่ายลงตอม่อ B
ก. 165 kN ค. 185 kN
ข. 175 kN ง. 195 kN
ตอบ ก. 165 kN
จากรูปคิดโมเมนต์รอบจุด A ได้ RB (30) = P1 (15) + P2 (20) + P2 (22) _____(1)
P1 = 50 103 N
P2 = 100 103 N
P3 = 100 103 N
A
RB (30) = P1 (15) + P2 (20) + P2 (22)
แทนค่า RB (30) = (50 103) (15) + (100 103) (20) + (100 103) (22)
RB = (50103)(15)+(100103)(20)+100103) (22)
= 75 104 + 200 104 + 220 104
RB = 165 kN
ตอบ B รับน้ำหนักเป็น 165 kN
10.
กดแท่งคอนกรีตซึ่งมีพื้นที่หน้าตัด 100 ตร.ซม. ด้วยแรง 500 kN หากแท่งคอนกรีตมีค่าโมดูลัส
ของยัง 3000 kN /ตร.ซม. แท่งคอนกรีตนี้จะหดตัวเท่าใด
ก. 0.05 ซม. ค. 0.75 ซม.
ข. 0.15 ซม. ง. ก.50 ซม.
ตอบ ข. 0.15 ซม.
จากรูปหาค่าการหดตัวได้
จาก Y = ( A) (1 )
=
1 = (A ) (Y)
1 = ( )( )
= 1.5 10-3
ระยะหดตัว = 1 = 0.15 cm
#คลิ๊กดูแนวข้อสอบราชการที่ www.โหลดแนวข้อสอบราชการ.com
#รวมข้อสอบที่ออกบ่อยๆ รวบรวมโดยอาจารย์ของสถาบัน
#เจาะลึกครอบคุมตรงประเด็น เนื้อหาสาระสำคัญ ข่าวสารทันโลก
#จำหน่ายแนวข้อสอบมานานกว่า 10 ปี การรันตีจากผู้สอบติดมากมาย
#รวมหนังสือหรือไฟล์ เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาไปนั่งติว
แนวข้อสอบมี 2 รูปแบบ
1.แบบที่ 1 รอรับได้เลย ราคาเพียง 399 บาท (รอรับ 1-2 ชม หลังโอน)
2.แบบที่ 2 หนังสือ **ฟรี MP3** ราคา 699 บาท (ส่งฟรีขนส่งเอกชน)
ติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อแนวข้อสอบ
โทร: 082-8551615 (คุณปาณิสรา)
Line ID : Panisara_test หรือคลิ๊กสั่งซื้อทันที

ชำระค่าสินค้าและบริการ
-ธ.กรุงไทย เลขที่บัญชี 983-0-97701-3
-ธ.กสิกรไทย เลขที่บัญชี 549-2-17930-4
(ชื่อบัญชี ปาณิสรา พระกาย ออมทรัพย์ )
